News

ความแตกต่างระหว่าง สถาปนิก กับ interior designer ใครทำอะไร?

หลายคนยังสับสนว่างานออกแบบบ้านหรืออาคารต้องจ้างใคร ระหว่างสถาปนิกกับ interior designer บางคนคิดว่าสถาปนิกทำทุกอย่างตั้งแต่สร้างบ้านยันเลือกเฟอร์นิเจอร์ หรือเข้าใจผิดว่าอินทีเรียดีไซเนอร์แค่จัดของสวยๆ งามๆ แต่จริงๆ แล้ว สองอาชีพนี้มีหน้าที่ต่างกันชัดเจน และทั้งคู่มีบทบาทสำคัญในงานออกแบบภายใน มาดูกันว่าทั้งสองอาชีพนี้มีจุดแตกต่างกันตรงไหน และถ้าเกิดว่าคุณอยากออกแบบภายในจะต้องเรียกใช้ใครถึงจะตอบโจทย์

สถาปนิก (Architect) คืออะไร

ถ้าพูดถึงคนที่ออกแบบอาคาร หลายคนอาจนึกถึงสถาปนิกออกแบบภายในเป็นอันดับแรก แต่จริงๆ แล้ว งานของพวกเขาไม่ได้มีแค่ร่างแบบสวยๆ เท่านั้น สถาปนิกต้องคิดตั้งแต่โครงสร้าง พื้นที่ใช้สอย ไปจนถึงความปลอดภัยของอาคาร ให้ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ มาดูกันว่าอาชีพนี้ทำอะไรบ้าง และต้องมีคุณสมบัติแบบไหนถึงจะเป็นได้

คำจำกัดความของสถาปนิก

สถาปนิก คือมือออกแบบอาคารและสิ่งก่อสร้าง ตั้งแต่บ้านพักอาศัย ตึกสำนักงาน ไปจนถึงโครงการขนาดใหญ่ อย่างโรงแรม ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่สนามกีฬา โดยต้องคำนึงทั้งความสวยงาม ฟังก์ชัน โครงสร้าง และความปลอดภัย

หน้าที่ความรับผิดชอบของสถาปนิก

  • ออกแบบอาคารและสิ่งก่อสร้าง สร้างสรรค์ดีไซน์ให้สวยงาม ทันสมัย และตรงกับความต้องการของลูกค้า
  • วางแผนพื้นที่ใช้สอยและโครงสร้าง คำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของแต่ละพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
  • คำนึงถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของอาคาร ต้องออกแบบให้แข็งแรง ทนทาน และผ่านมาตรฐานความปลอดภัย
  • ประสานงานกับวิศวกรและผู้รับเหมา ไม่ใช่แค่คิดไอเดีย แต่ต้องทำงานร่วมกับทีมก่อสร้างเพื่อให้โปรเจกต์เดินหน้าได้จริง
  • ควบคุมงบประมาณและระยะเวลาการก่อสร้าง เพราะงานออกแบบที่ดีต้องไม่เกินงบ และเสร็จทันเวลา ไม่ใช่แค่สวยแต่สร้างไม่ได้

คุณสมบัติของสถาปนิก

  • มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ เข้าใจโครงสร้าง วัสดุ และกฎหมายก่อสร้าง
  • มีความคิดสร้างสรรค์และมีวิสัยทัศน์ ออกแบบให้ไม่ซ้ำใคร แต่ยังใช้งานได้จริง
  • มีทักษะการสื่อสารและการประสานงานที่ดี เพราะต้องทำงานร่วมกับทีมใหญ่ ตั้งแต่วิศวกร ผู้รับเหมา ไปจนถึงลูกค้า
  • มีความละเอียดรอบคอบและใส่ใจในรายละเอียด เส้นเดียวที่ผิดพลาดอาจทำให้ทั้งโครงการล้มเหลวได้

ตัวอย่างโครงการของสถาปนิก

  • บ้านพักอาศัย – ดีไซน์บ้านให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเจ้าของ
  • อาคารสำนักงาน – ออกแบบให้ใช้งานได้จริง ทั้งฟังก์ชันและดีไซน์
  • โรงเรียน – คำนึงถึงการใช้พื้นที่สำหรับการเรียนรู้
  • โรงพยาบาล – ต้องมีทั้งระบบสาธารณสุขและความปลอดภัย
  • ห้างสรรพสินค้า – ออกแบบให้ดึงดูดลูกค้าและใช้งานสะดวก

สรุปแล้วสถาปนิกคือคนที่สร้างภาพฝันให้กลายเป็นอาคารจริงๆ ทั้งสวยงาม ใช้งานได้ และปลอดภัย แต่ถ้าจะเน้นแค่ดีไซน์ภายใน เดี๋ยวต้องไปดูฝั่งอินทีเรียร์ ดีไซเนอร์กันต่อ

อินทีเรียดีไซเนอร์ (Interior Designer) คืออะไร

ถ้าสถาปนิกคือคนที่สร้างอาคารให้เป็นรูปเป็นร่าง อินทีเรียดีไซเนอร์ก็คือคนที่ทำให้พื้นที่เหล่านั้นมีชีวิตขึ้นมา งานของพวกเขาไม่ใช่แค่เลือกเฟอร์นิเจอร์สวยๆ หรือทาสีห้องให้ดูดี แต่ต้องออกแบบภายในที่มีบรรยากาศและฟังก์ชันให้ตอบโจทย์การใช้งานจริง

คำจำกัดความของอินทีเรียดีไซเนอร์

อินทีเรียดีไซเนอร์ (Interior Designer) คือผู้เชี่ยวชาญด้านการตกแต่งและออกแบบภายในที่เน้นทั้งความสวยงาม ความสะดวกสบาย และการใช้งานจริง พวกเขาทำงานกับพื้นที่ที่มีอยู่แล้ว แค่ปรับแต่งให้ดูดี และช่วยสร้างอารมณ์ให้เข้ากับสไตล์ที่ต้องการ เช่น มินิมอล ลักซ์ชัวรี ลอฟต์ หรือแม้แต่สไตล์คาเฟ่ฮิปๆ อินทีเรียดีไซเนอร์จึงไม่ได้แค่ต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้แมตช์กัน แต่ต้องรู้เรื่องแสง เงา สี วัสดุ และแม้แต่จิตวิทยาการใช้พื้นที่อย่างเหมาะสม

หน้าที่ความรับผิดชอบของอินทีเรียดีไซเนอร์

  • ออกแบบภายในอาคาร ตกแต่ง คิดธีม สร้างบรรยากาศ และออกแบบให้เหมาะกับการใช้งาน
  • เลือกใช้วัสดุ เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่ง ตั้งแต่พื้น ผนัง ไปจนถึงโซฟาและโคมไฟ ทุกอย่างต้องไปด้วยกัน
  • สร้างบรรยากาศและสไตล์ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ถ้าลูกค้าบอกว่าอยากได้ความอบอุ่นเหมือนคาเฟ่ญี่ปุ่น หรือความหรูหราแบบโรงแรม 5 ดาว อินทีเรียดีไซเนอร์ต้องตีโจทย์แตก
  • คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยและความสะดวกสบาย ใช้งานได้จริง เช่น โต๊ะกินข้าวต้องนั่งสบาย พื้นที่ห้องนอนไม่ควรอึดอัด
  • ควบคุมงบประมาณและระยะเวลาในการออกแบบภายใน งานออกแบบต้องไม่บานปลาย และต้องเสร็จทันเวลาที่ลูกค้าต้องการ

คุณสมบัติของอินทีเรียดีไซเนอร์

  • มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบภายใน เข้าใจทั้งหลักการออกแบบและเทคนิคการใช้วัสดุต่างๆ
  • มีความคิดสร้างสรรค์และมี Sense ด้านสุนทรียภาพ ต้องมีตาแหลมๆ ในการจับคู่สี พื้นผิว และองค์ประกอบต่างๆ ให้ลงตัว
  • มีทักษะการสื่อสารและการนำเสนอที่ดี ต้องอธิบายไอเดียให้ลูกค้าเห็นภาพ และสื่อสารกับช่างให้เข้าใจตรงกัน
  • มีความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค ต้องรู้ว่าใครจะใช้พื้นที่ยังไง เช่น ห้องเด็กต้องปลอดภัย ร้านอาหารต้องดูดึงดูดลูกค้า ฯลฯ

ตัวอย่างโครงการของอินทีเรียดีไซเนอร์

  • บ้านพักอาศัย – ออกแบบให้ดูอบอุ่นและใช้งานได้จริง
  • คอนโดมิเนียม – พื้นที่เล็กแต่ต้องฟังก์ชันครบ และสวยปัง
  • ร้านอาหาร – ทำให้บรรยากาศน่านั่ง และดึงดูดลูกค้าให้อยากกลับมาอีก 
  • โรงแรม – ออกแบบภายในให้ดูหรู น่าพัก และสะดวกสบาย
  • ออฟฟิศ / โคเวิร์กกิ้งสเปซ – ทำให้ที่ทำงานดูโปร แต่ยังมีสไตล์

ความแตกต่างระหว่างสถาปนิกและอินทีเรียดีไซเนอร์

หลายคนยังเข้าใจผิดว่าสถาปนิกและอินทีเรียดีไซเนอร์สามารถทำหน้าที่แทนกันได้ แต่ความจริงแล้วในแต่ละสายงานนั้นมีหน้าที่ชัดเจนและต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ทั้งสองอาชีพจะเกี่ยวข้องกับการออกแบบอาคารเหมือนกัน แต่สถาปนิกคือคนที่กำหนดโครงสร้างทั้งหมด ส่วนอินทีเรียดีไซเนอร์คือคนที่ทำให้พื้นที่ภายในดูดีและใช้งานได้จริง

สถาปนิกออกแบบโครงสร้างและระบบภายใน

สถาปนิกคือนักวางแผนโครงสร้าง งานหลักของพวกเขาคือการออกแบบอาคารให้อยู่ได้จริง ปลอดภัย และใช้งานได้ดี ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ตึกสูง หรือโรงงาน พร้อมคำนึงถึงโครงสร้างและระบบต่างๆ ทั้งเสา คาน ระบบไฟฟ้า ระบบประปา รวมถึงทางหนีไฟ เพื่อให้สิ่งก่อสร้างแข็งแรงและถูกหลักวิศวกรรม

นอกจากนี้ยังรวมถึงการจัดสรรพื้นที่โดยรวม ต้องวางแปลนอาคารว่าห้องไหนควรอยู่ตรงไหน เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง เช่น ห้องนอนไม่ควรติดถนน ห้องน้ำต้องอยู่ใกล้ท่อประปา ฯลฯ

Interior Designer  เน้นความสวยงามและการใช้พื้นที่ภายใน

อินทีเรียดีไซเนอร์คือนักแต่งบ้านตัวจริง เพราะงานหลักคือการออกแบบภายในให้สวยงาม สะดวกสบาย และเหมาะกับสไตล์ของลูกค้า โดยเลือกวัสดุและเฟอร์นิเจอร์อย่างเหมาะสม ตั้งแต่สีผนัง ผ้าม่าน โคมไฟ ไปจนถึงโซฟาและของตกแต่ง ทุกอย่างต้องเข้ากันและสร้างบรรยากาศที่ต้องการ

นอกจากนี้ การออกแบบภายในยังต้องเน้นเรื่องการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เล่นกับแสง สี และดีไซน์ ที่สามารถเปลี่ยนห้องที่ดูธรรมดาให้กลายเป็นพื้นที่ที่ดูแพง น่าอยู่ และมีสไตล์ได้

สถาปนิก ออกแบบภายใน

การทำงานร่วมกันระหว่างสถาปนิกกับ Interior Designer

เลือกใครดี? ระหว่างสถาปนิกและอินทีเรียดีไซเนอร์

  • หากต้องการสร้างอาคารใหม่ สถาปนิกคือคนที่ต้องเลือก เพราะเขาจะออกแบบโครงสร้าง กำหนดระบบต่างๆ และสร้างแปลนอาคารให้ใช้งานได้จริง
  • หากต้องการแต่งภายในให้ออกมาสวยและลงตัว ต้องใช้อินทีเรียดีไซเนอร์ เพื่อช่วยเลือกเฟอร์นิเจอร์ วัสดุ และองค์ประกอบภายในให้เข้ากับสไตล์ที่ต้องการ

การสื่อสารถึงสำคัญ?

  • พูดให้เคลียร์ตั้งแต่แรก : ลูกค้าหลายคนเข้าใจผิดว่าแค่มีสถาปนิกก็พอ หรือบางคนจ้างอินทีเรียดีไซเนอร์มาทีหลัง แต่จริงๆ แล้วการออกแบบภายนอกและภายในต้องไปด้วยกัน เช่น ถ้าอินทีเรียดีไซเนอร์อยากได้หน้าต่างบานใหญ่ แต่โครงสร้างไม่รองรับ ก็จะเกิดปัญหาทีหลังได้
  • ให้ทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้น : สถาปนิกจะวางแผนโครงสร้าง อินทีเรียดีไซเนอร์จะช่วยออกแบบภายใน ถ้าทำงานแยกกัน อาจเกิดปัญหา เช่น ห้องเล็กเกินไปสำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการ หรือช่องแสงไม่เหมาะกับสไตล์ตกแต่งได้
  • เข้าใจความต้องการของลูกค้าให้ตรงกัน : ลูกค้าอยากได้บ้านสไตล์มินิมอล แต่สถาปนิกออกแบบมาแบบโมเดิร์นลอฟต์ ส่วนอินทีเรียดีไซเนอร์ตกแต่งแนววินเทจ ถ้าสื่อสารไม่ดี สุดท้ายงานอาจออกมาขัดกันเอง

สรุป

สุดท้ายแล้วสถาปนิกและอินทีเรียดีไซเนอร์ ต่างก็มีบทบาทที่สำคัญและแตกต่างกันชัดเจน โดยสถาปนิกจะโฟกัสที่โครงสร้างและฟังก์ชันของอาคาร ส่วนอินทีเรียดีไซเนอร์ เน้นที่การออกแบบภายในให้สวยงามและการใช้พื้นที่ภายในให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ถ้าอยากได้บ้านหรืออาคารที่ทั้งแข็งแรง ปลอดภัย และมีดีไซน์ที่ใช่ ควรให้ทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้น อย่าปล่อยให้ดีไซน์สวยแต่ใช้งานไม่ได้ หรือโครงสร้างดีแต่ขาดเสน่ห์ การมีมืออาชีพที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ของคุณ จะช่วยให้ทุกตารางเมตรออกมาถูกต้อง ทั้งฟังก์ชันและอารมณ์ของพื้นที่

 

FAQ 

สถาปนิกทำหน้าที่อะไรบ้าง?

  • ออกแบบโครงสร้างอาคาร วางแผนพื้นที่ คำนึงถึงความปลอดภัย และประสานงานกับวิศวกรและผู้รับเหมา

ควรเลือกสถาปนิกหรืออินทีเรียดีไซเนอร์สำหรับโครงการแบบไหน?

  • ถ้าต้องการสร้างอาคารใหม่ให้เลือกสถาปนิก แต่ถ้าต้องการออกแบบตกแต่งภายใน ควรเลือกอินทีเรียดีไซเนอร์

มีวิธีตรวจสอบผลงานของสถาปนิกและอินทีเรียดีไซเนอร์อย่างไร?

  • ดูพอร์ตโฟลิโอ ตรวจสอบรีวิวจากลูกค้าเก่า และพูดคุยรายละเอียดงานกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเพื่อให้มั่นใจว่าสไตล์และแนวทางการทำงานตรงกับที่ต้องการ